ติวข้อสอบแกรมม่าร์ ฝึกวิเคราะห์ความแตกต่างของ Vocab

ฝึกทำข้อสอบแกรมม่าร์ยังไงให้ได้คะแนนเต็ม การทำข้อสอบแบบนี้ เป็นการทำข้อสอบเพื่อที่จะ Test เรา ว่าเรามีความเข้าใจในเรื่องของไวยากรณ์ดีมั้ย และก็เรื่องของคำ ศัพท์ดีแค่ไหน เพราะฉะนั้นถ้าเป็นข้อสอบกากบาท เขาจะถามเราอยู่ 2 อย่าง คือ grammar เช่น Tense,หน้าที่ของคำ และ vocab ก็คือ รากศัพท์ คำศัพท์ ต่างๆที่จะต้องเอาอะไรไปเติมมั้ย ส่วนใหญ่ choice จะแตกต่างออกไป


เรียนวิชาภาษาอังกฤษ คาบเช้า


The purchasing manager can ….. the best price.?
1. negotiate ✔
2. negotiable
3. negotiator
4. negotiation

ข้อนี้มี Choice ที่ดูเหมือนกัน ซึ่งเราต้องรู้จักกับ Word family คือ ครอบครัวของ”คำ” คำหนึ่งคำที่สามารถตีความหมายได้หลายอย่าง เช่น Accept , Acceptable[Adj.] , Acceptance[N.] , Unacceptable แบบนี้คือเรื่องของ Word family

หรืออีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า Suffix หรือ Prefix Suffix คือ ส่วนที่เอาไปวางไว้ด้านหลังคำศัพท์ แล้วทำให้ความหมายชัดเจนขึ้น อาจทำให้หน้าที่ของคำเปลี่ยนไปด้วย

able / ible
ed
ing
er
ful
less
ist
ize / fy
ment / tion / ness
ous
ology
Suffix

1. negotiate  เป็นกริยา เพราะเป็นคำที่ลงท้ายด้วย ate คำไหนลงท้ายด้วย ate แสดงว่าเป็นคำ กริยา

2. negotiable  เป็น Adjective [Adj.]

3. negotiator เป็นคำที่มี or ลงท้าย ทำให้คำกริยากลายเป็น คน ซึ่งกลายเป็น คำนาม อย่างเช่น คำว่า act แปลว่าแสดง พอใส่ or เป็น actor แปลว่านักแสดง 

4. negotiation ลงท้ายด้วยคำว่า  tion มันจะแปลว่า การ , ความ :ฉะนั้นมันก็จะแปลได้ว่า การเจรจา

Can เป็น Modal verb และมีคำอื่นๆอีก
1. Can/Could = สามารถ
2. Will/Would = จะ
3. Shall/Should = ควรจะ
4. May/Might = อาจจะ
5. Must = ต้อง
6. Ought to = ควรจะ

ถ้าจะใส่คำต่อด้านหลังของ Modal verb เราใส่ได้เฉพาะ กริยาช่องที่ 1[V.1] และต้องเป็นกริยาที่ไม่เปลี่ยนรูป และไม่เติม S 

The purchasing manager can ….. the best price.?
ฉะนั้น 1. negotiate ✔ จึงเป็นตัวเลือกที่ถูก เพราะหลัง Can ต้องตามด้วยกริยาช่องที่ 1[V.1] แบบไม่เปลี่ยนรูป และไม่เติม S 


I’ll need sometime to read over the ….. before signing it.?
1. contact
2. contract
3. comport
4. compact

ข้อนี้มี Choice ที่มีคำศัพท์ต่างกัน เพราะฉะนั้นเขาถาม เรื่อง Vocab วิธีทำโจทย์ เราต้องแปลก่อน จากโจทย์แปลว่า “ฉันต้องใช้เวลาอ่าน ….. ก่อนเซ็น?” เราจะต้องอ่าน “สัญญา” ก่อนจะเซ็นชื่อใช่ไหม? จากนั้นเราก็มาดู Choice ว่าข้อไหนมันจะแปลว่า สัญญา บ้าง
1. contact  แปลว่า ติดต่อ
2. contract  แปลว่า สัญญา
3. comport แปลว่า ประพฤติ
4. compact แปลว่า กระชับ , อัดแน่น , 

ข้อควรระวังคือ ข้อสอบแบบนี้จะหาคำศัพท์ที่ดูเหมือนกันให้เราไขว้เขว


The officers from the firm ….. today at 8 am.?
1. meet
2. has met
3. is meeting
4. are meeting

ข้อนี้มี Choice ที่ความหมายเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเขาถาม เรื่อง Grammar เราต้องแกะดูก่อนว่าเป็น Grammar แบบไหน
1. meet เป็นกริยา ช่องที่ 1
2. has met เป็นกริยา Present Perfect Tense
3. is meeting เป็นกริยา Present Continuous Tense
4. are meeting เป็นกริยา Present Continuous Tense

ภาษาอังกฤษมี 12 Tense เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น Tense ไหน?  วิธีการดูโจทย์ เราต้องดูสิ่งหนึ่งในโจทย์ก็คือ “คำบอกเวลา” คำบอกเวลาสำคัญมากเพราะมันจะเป็นตัวบอกว่าเราควรตอบอะไร 

คำบอกเวลา
• every (day / week / year)
• always , usually , often , rarely , never
เมื่อเห็นคำเหล่านี้ตรงไหนก็ตาม กริยาตรงนั้น จะต้องเป็นกริยาช่องที่ 1 [V.1] เท่านั้น

คำบอกเวลา
• now , at the moment
• at the present
• Look! , Listen! คือแบบเกิดขึ้นทันทีทันใด
ถ้าเจอคำเหล่านี้ อาจจะเป็น is , am , are + (กริยาที่เติม ing) V.ing

คำบอกเวลา
• since + จุดเริ่มต้น
• for + ผลรวมเวลา
• already แล้ว
• just เพิ่งจะ
• ever เคย
• yet ยัง
• so far จนถึงทุกวันนี้
• recently ระยะหลังๆ
ถ้าเจอคำเหล่านี้ จะไม่สามารถตอบกริยาช่องที่ 1[V.1] ได้ จะต้องใช้ have , has + V.3 เท่านั้น

The officers from the firm ……. today at 8 am.?
firm แปลว่า บริษัท

officers แปลว่า พนักงาน
พนักงานจากบริษัทนี้ เขาจะเจอกันวันนี้ตอน  8 โมงเช้า ?

เขายังไม่เจอกัน เพราะฉะนั้นมันเป็นเหตุการณ์ที่ กำลังเกิดขึ้น
ฉะนั้นตัด ข้อ 1. กับ 2. เพราะสื่อถึง ได้พบได้เจอกันแล้ว

1. meet เป็นกริยา ช่องที่ 1
2. has met เป็นกริยา Present Perfect Tense
3. is meeting เป็นกริยา Present Continuous Tense
4. are meeting เป็นกริยา Present Continuous Tense

เหลือข้อ 3. is meeting และ 4. are meeting

ระหว่าง is กับ are เราจะเลือกอะไร? is meeting และ are meeting มีความหมายที่เหมือนกัน

เทคนิคคือ ต้องดูโจทย์ “The officers from the firm …..” ถ้าประธานเป็นแบบนี้ แล้วกริยาจะใส่อะไร 
มันเป็นเรื่องของ คำนามที่ถูกขยายด้วย Prepositional Phrase คือ กลุ่มคำที่ทำหน้าที่เป็นคำบุพบท

คำนามที่ถูกขยายด้วย Prepositional Phrase The officers from the firm
– สังเกตุ The officers มันอยู่หน้าสุด เป็นคำนาม
from เป็น Prepositional Phrase มันเป็นการบอกตำแหน่ง เช่น in , on , at อะไรพวกนี้มันเป็นการบอกตำแหน่ง มันทำหน้าที่ขยายส่วนที่อยู่ข้างหน้า ฉะนั้นสิ่งที่อยู่หลัง Prepositional Phrase มันจะไม่ใช่ประธาน มันจะเป็นตัวขยายเฉยๆ  สิ่งที่ต้องจำคือ ประธานจะอยู่หน้าคำบุพบท(Prepositional Phrase) เสมอ
The officers มี s ต่อท้าย แสดงว่ามีพนักงานหลายคน ฉะนั้นตอบข้อ 4. are meeting


The CEO has assured me that everything …. in order for the conference.?
1. have been
2. is
3. are
4. were

ข้อนี้มี Choice เป็น Verb to be(V.be) ทั้งหมด  The CEO has assured me that everything …. in order for the conference.? ประโยคนี้สามารถแยกได้ 2 ประโยค ให้สังเกตุว่ามีคำว่า that ไหม เพราะคำว่า that มันจะชอบแบ่งประโยค ตัวอย่างเช่น  I told her that i love you.ฉันบอกเธอว่าฉันรักเธอ  เพราะฉะนั้นคำว่า “that” มันก็เท่ากับคำว่า “ว่า” 
The CEO has assured me (ประธานทำให้ฉันมั่นใจ) ประโยคนี้มันสมบูรณ์ไปในตัวแล้ว เพราะประกอบไปด้วย ประธาน(The CEO)-กริยา(has assured)-กรรม(me)
that everything …. in order คือ ว่าทุกอย่าง …. มันเรียบร้อย
for the conference คำว่า conference แปลว่า การประชุม 

เราต้องหาว่าจะเอาอะไรมาใส่หลัง everything ได้
คำว่า everything แปลว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง 

ก่อนอื่นเราต้องรู้จัก Subject-verb Agreement
คือ ประธานและกริยา ต้องสัมพันธ์กัน

ถ้าประธานเป็น I , you , we , they = กริยาจะเป็น กริยาพหูพจน์ (ไม่เติม s)
ถ้าประธานเป็น he , she , it = กริยาจะเป็น กริยาเอกพจน์ (เติม s)
ตัวอย่างเช่น I love you. , he loves you.

อะไรก็แล้วแต่ที่ขึ้นต้นด้วย every , any , some , no = กริยาจะเป็น กริยาเอกพจน์ (เติม s)

everyone anything
anyone everything
someone something
no one nothing

ตัวอย่างเช่น
• Everyone has done his / her homework .
• No one is happy about this.
• Somebody is sleeping . Be quiet.

ฉะนั้นโจทย์ The CEO has assured me that everything …. in order for the conference.?

มีคำว่า everything ซึ่งกริยาจะต้องเป็นกริยาเอกพจน์ (เติม s) หรือ
ถ้าเป็น Verb to be ให้ใช้ is

ถ้าเป็น Verb to do ให้ใช้ does
ถ้าเป็น Verb to have ให้ใช้ has

ฉะนั้นตอบข้อ 2. is ✔ 


Although they……..on that project since last week, it still isn’t finished.?
1. are working
2. will work
3. have been working
4. will be working

ข้อนี้ถาม เรื่อง Tense อดีต ปัจจุบัน อนาคต ว่าเราจะใช้ได้ถูกไหม? ซึ่ง Choice หมายถึง การทำงาน ทั้งหมด
Although they……..on that project since last week, it still isn’t finished.? | ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานโปรเจคนั้นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แต่ก็ยังไม่เสร็จ
Although
แปลว่า แม้ว่า ถ้ามีคำว่า Although ขึ้นต้น แสดงว่า 2 ประโยคมันต้องขัดแย้งกัน เราต้องหาประโยคแรกโดยการแยกประโยคออกก่อนจะได้โดยสังเกตุเครื่องหมาย Comma,

→ Although they……..on that project since last week, 
→ it still isn’t finished.?
since
แปลว่า ตั้งแต่

last week แปลว่า อาทิตย์ที่แล้ว
it still isn’t finished
แปลว่า มันยังไม่เสร็จซักที

ถ้าเราไปดู คำบอกเวลา
• since + จุดเริ่มต้น

• for + ผลรวมเวลา
• already แล้ว
• just เพิ่งจะ
• ever เคย
• yet ยัง
• so far จนถึงทุกวันนี้
• recently ระยะหลังๆ
ถ้าเจอคำเหล่านี้ จะไม่สามารถตอบกริยาช่องที่ 1[V.1] ได้ จะต้องใช้ have , has + V.3 เท่านั้น

ฉะนั้นคำว่า since จะไม่สามารถตอบกริยาช่องที่ 1[V.1] ได้ จะต้องใช้ have , has + V.3 เท่านั้น

• yesterday แปลว่า เมื่อวาน
• last____ (day , week , year) 
• _____ago แปลว่า ที่แล้ว เช่น 2 อาทิตย์ที่แล้ว
in_____(เวลาในอดีต เช่น in 1987)
ถ้าเจอคำเหล่า กริยาที่ใช้ จะต้องเป็นกริยาช่องที่ 2[V.2]
ฉะนั้นคำว่า  last week จะต้องเป็นกริยาช่องที่ 2[V.2]

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานโปรเจคนั้นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แต่ก็ยังไม่เสร็จ แสดงว่า คือลงมือทำงานแล้ว แต่งานยังไม่จบ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่อง ให้ใช้ Present Continuous Tense และ since จะไม่สามารถตอบกริยาช่องที่ 1[V.1] ได้ จะต้องใช้ have , has + V.3 เท่านั้น
ฉะนั้นตอบข้อ 3. have been working ✔ 
ส่วน

1. are working หมายถึง กำลังทำอยู่ก็จริง แต่ are ไม่มีในคำบอกเวลา
2. will work เป็น อนาคต
4. will be working เป็น อนาคต


No one was complaining …… the noise from the construction site across the road.?
1. for
2. at
3. from
4. about ✔

ข้อนี้ถาม เรื่องของคำกริยาที่มาคู่กับบุพบท ซึ่งห้ามแยกเขาออกจากกัน
complaining แปลว่า บ่น
No one แปลว่า ไม่มีใครเลย
No one ต้องตามด้วยกริยาที่เป็นเอกพจน์ คือใช้ เป็น is , was  
noise แปลว่า เสียงรบกวน

คำกริยา + บุพบท เช่น
worried about ตามด้วยคำนาม

the noise เป็นคำนาม ฉะนั้นคำว่า complaining มันคู่กับคำว่า about 


Jack worked all night, ……he wasn’t able to finish the project on time.?
1. or
2. yet ✔
3. either
4. neither

ข้อนี้ Choice ถามเรื่อง Conjunction หรือ คำเชื่อม เชื่อมคำหรือเชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน 
แบ่งประโยคเป็น 2 ส่วน
– Jack worked all night, | แจ็คทำงานมาทั้งคืน
คำว่า worked มี ed จึงเป็นกริยาช่องที่ 2 V.2
……he wasn’t able to finish the project on time.? | … เ
ขาไม่สามารถทำโครงการให้เสร็จทันเวลาได้
ถ้าเจอคำว่า wasn’t able to มีความหมาย = Can

1. or
เพราะประโยคมีความขัดแย้งกัน “แจ็คทำงานมาทั้งคืน … เขาไม่สามารถทำงานให้เสร็จทันเวลาได้” ฉะนั้นมันจะใช้ or หรือ and เชื่อมไม่ได้ เพราะถ้าใช้ ประโยคควรจะต้องไปในทิศทางเดียวกัน
2. yet
คำว่า yet ถ้ามันอยู่หลังประโยคสุดจะแปลว่า ยัง
ถ้ามาอยู่ตรงกลางประโยคจะแปลว่า แต่
3. either
มักมาคู่กับคำว่า ___ or___  ตัวอย่างโครงสร้างประโยค  นายA or นายB  เช่น ไม่นายA หรือ นายB ที่ขโมยเงินฉันไป
4. neither
มักมาคู่กับคำว่า ___ nor___  ตัวอย่างโครงสร้างประโยค  นายA nor นายB เช่น ทั้ง นายA และ นายB ไม่ได้ขโมยเงินฉันไป

ฉะนั้นข้อ 2. yet ✔ เป็นคำตอบที่ถูก  


If you focus on efficiency and ……, I believe that you will get the good score!?
1. accurate
2. accurately
3. accuracy
4. accurating

เป็นเรื่องของ Parallelism โครงสร้างคู่ขนาน และข้อนี้มี Choice ที่หมายถึงเกี่ยวกับ ความถูกต้องทั้งหมด

ทำความรู้จัก Parallelism โครงสร้างคู่ขนาน คือ หน้าที่คำ และโครงสร้างประโยค ต้องเหมือนกัน ส่วนใหญ่จะมี and เข้ามาเชื่อม เช่น She likes eating and to drink. ซึ่งเป็นประโยคที่ผิด

ประโยคที่ผิด ประโยคที่ถูกต้อง
She likes eating and to drink. She likes eating and drinking.
หรือ
She likes to eat and to drink.

จากโจทย์ If you focus on efficiency and ……, ฉะนั้นข้อนี้ ตอบข้อ 3. accuracy ✔

คำว่า efficiency เป็นคำนาม เพราะฉะนั้นหลัง and ……, มันต้องเป็นคำนามด้วยเหมือนกัน
คำว่า accurate คำไหนที่ลงท้ายด้วย ate เป็นคำกริยา 
คำว่า accurately คำไหนที่ลงท้ายด้วย ly เป็น Adverb (Adv.)
คำว่า accurating เป็น V.ing
คำว่า accuracy เป็นคำนาม


The laptop jane has been working on ….. She is so upset.?
1. misses
2. was missed
3. is missing ✔
4. was missing

ข้อนี้ถาม เรื่อง Tense ซึ่ง Choice หมายถึง หายไป/พลาด

→ The laptop เป็นประธาน
→ jane has been working on เป็นส่วนขยายประธาน

เมื่อประธานมีเพียงหนึ่ง กริยาก็ต้องเติม s 
ซึ่ง Choice ทุกข้อเติม s ทั้งหมด เรามาหาวิธีวิเคราะห์กัน

1. misses ข้อนี้ผิด ถ้าประธาน แล้วตามด้วย V.1 เราต้องใช้เหตุการณ์ที่เป็น ความจริง/กิจวัตร/นิสัย ซึ่งของหายไม่ได้อยู่ใน 3 ข้อข้างต้น 
2. was missed ข้อนี้ผิด มันเป็น V.be + V.3 เป็นรูปถูกกระทำ มันจะแปลว่า แล็ปท็อปที่เจนทำงานอยู่ ถูกทำให้หาย
3. is missing ✔ สิ่งที่หายไป และตอนนี้ยังหาไม่เจอ
4. was missing ข้อนี้ผิด มันบอกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตทั้งหมด


Tom admits that he had his friend……the homework for him.?
1. do ✔
2. to do 
3. doing
4. done

Tom admits that he had his friend……the homework for him.? | ทอมยอมรับว่ามีเพื่อน……การบ้านให้เขา.?

เจอคำว่า that ให้แบ่งประโยค 

he had his friend…… 

ถ้าเราเห็นคำว่า let ,make ,have ,help + someone(กรรม) +จากนั้นต้องใส่เป็น V.1 ไม่เปลี่ยนรูป ไม่เติม s เท่านั้น

วิเคราะห์ประโยค he had his friend…… 

he เป็นประธาน
had ก็จะมีเหมือน have , has หรือขอให้เป็น Verb to have
his friend เป็นกรรม
…… ฉะนั้นตรงนี้ ใส่เป็น V.1 ไม่เปลี่ยนรูป ไม่เติม s เท่านั้น ตอบข้อ 1. do ✔


เรียนวิชาภาษาอังกฤษ คาบบ่าย


ช่วงบ่าย เราจะมาเรียนคำศัพท์วิชาภาษาอังกฤษ ระดับพื้นฐาน ในหมวด A-B 100 คำศัพท์ จาก ครูดิว ครูผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาอังกฤษ นอกจากจะฝึกท่องศัพท์แล้ว ยังมีพร้อมตัวอย่างประโยคอีกด้วย

คำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวด A

คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล ตัวอย่างประโยค
about
(prep.)
เออะเบาทุ เกี่ยวกับ We are talking about the movie.
(พวกเรากำลังคุยเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้)
above
(prep.)
เออะบัฟ ข้างบน
across
(prep.)
เออะครอส ตรงข้าม across the street.
(ฝั่งตรงข้ามถนน)
act
(v.)
แอคทุ กระทำ
actor
(n.)
แอคเตอร์ นักแสดง/คนกระทำ
actually
(adv.)
แอคชัวลี ตามจริง/ที่จริงแล้ว Actually, I am the president.
(ความจริงแล้ว ฉันคือประธานบริษัท)
add
(v.)
แอด รวม/เพิ่มเติม
adddress
(n.)
แอดเดรส ที่อยู่/
adventure
(n.)
เอิดเวนเชอร์ การผจญภัย Let’s go on an adventure.
(ไปผจญภัยกัน)
afraid
(adj.)
เออะเฟรดะ กลัว Don’t be afraid.
(อย่ากลัวไปเลย)
after
(prep.)
แอฟเตอร์ ภายหลัง/หลังจาก Let’s go dancing after work.
(ไปเต้นกันหลังจากเลิกงาน)
afternoon
(n.)
แอฟเตอร์นูน บ่าย Good afternoon.
(สวัสดีตอนบ่าย)
again
(adv.)
เออะเกน อีกครั้ง Let’s do it again.
(มาทำกันอีกครั้งนึง)
age
(n.)
เอจ อายุ
ago
(adv.)
เออะโก ที่ผ่านมาแล้ว 10 years ago.
(10 ปีที่แล้ว)
agree
(v.)
เออะกรี เห็นด้วย Do you agree?
(คุณเห็นด้วยไหม)
air
(n.)
แอร์ อากาศ I wanna go out and get some air.
(ฉันอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก)
airport
(n.)
แอร์พอร์ทุ สนามบิน Hey, where is the airport?
(นี่ สนามบินอยู่ที่ไหน)
alien
(n.)
เอเลียน มนุษย์ต่างดาว/คนต่างด้าว
all
(adj.)
ออล ทั้งหมด มักจะ+คำนามแล้วก็เต็ม s
all students.
(นักเรียนทั้งหมด)
along
(prep.)
เออะลอง คู่กันกับ Let’s walk along the street.
(มาเดินกันไปตาม(ทาง,ถนน))
alphabet
(n.)
แอลเฟอะเบท ตัวอักษร
already
(adv.)
ออลเรดี แล้ว/เสร็จแล้ว/เรียบร้อยแล้ว I already did.
(ฉันทำมันแล้ว)
also
(adv.)
ออลโซ ด้วย/ด้วยกัน/เหมือนกัน I also like it.
(ฉันชอบมันเหมือนกัน)
always
(adv.)
ออลเวซุ ตลอด/สมํ่าเสมอ I always wake up at 6 in the morning.
(ฉันตื่นตอน 6 โมงเช้าเสมอ)
amazing
(adj.)
เออะเมซิง น่าประหลาดใจ/ประทับใจ ใช้แทนคำว่า good ได้ดี
That’s amazing.
(นั้นมันน่าทึ่งมาก)
ambulance
(n.)
แอมบิวเลินสุ รถพยาบาล The ambulance is on the way.
(รถพยาบาลกำลังเดินทางมา)
and
(conj.)
แอนดุ และ You and me.
(เธอและฉัน)
angry
(adj.)
แองกรี โกรธ เวลาใช้ ใช้ v.to be นำหน้าเสมอ
Are you angry at me?
(เธอโกรธฉันใช่ไหม)
animal
(n.)
แอนิเมิล สัตว์ Lion is an animal.
(สิงโตเป็นสัตว์)
another
(determiner.)
เออะนาเดอร์ อีกหนึ่งอัน/เพิ่มเติมขึ้นมา I want another table.
(ฉันต้องการโต๊ะอีกตัวนึง)
answer
(n./v.)
แอนเซอร์ คำตอบ/ตอบ Please answer the phone.
(กรุณารับสายโทรศัพท์)
any
(determiner.)
เอนี บ้าง/เล็กน้อย คำนี้ส่วนใหญ่ใช้ในประโยคคำถาม/ปฎิเสธ
I don’t have any money.
(ฉันไม่มีเงินเลย)
anyone/anybody
(pron.)
เอนีวัน/เอนีบอดี ใครๆ คำนี้ส่วนใหญ่ใช้ในประโยคคำถาม/ปฎิเสธ
Does anybody want some water?
(มีใครต้องการนํ้าบ้างไหม)
anything
(pron.)
เอนีธิง อะไรก็ได้/สิ่งไหนก็ได้
anywhere
(adv.)
เอนีแวร์ ที่ไหนก็ได้ I want to go anywhere with you.
(ฉันไปที่ไหนก็ได้ที่มีเธอ)
app
(n.)
แอพ โปรแกรมใช้งาน
appear
(v.)
เออะเพียร์ ปรากฎตัว She appeared at my house.
(หล่อนปรากฎตัวที่บ้านฉัน)
apple
(n.)
แอพเพิล แอปเปิล
april
(n.)
เอโพริล เดือนเมษายน
arm
(n.)
อาร์ม แขน
armchair
(n.)
อาร์มแชร์ เก้าอี้เท้าแขน
around
(adv.)
เออะราวด ใกล้ๆ Do you live around here?
(คุณอาศัยอยู่แถวนี้เหรอ)
arrive
(v.)
เออะรายฟู มาถึง What time will you arrive tomorrow?
(พรุ่งนี้คุณจะมาถึงกี่โมง)
art
(n.)
อาร์ท ศิลปะ
artist
(n.)
อาร์ดิส จิตรกร I am an artist.
(ฉันเป็นจิตรกร)
as
(adv.)
แอส ดั่ง/ราวกับ/เท่ากับ I want to be as rich as him.
(ฉันอยากจะรวยเหมือนเขา)
ask
(v.)
แอสกุ ถาม He asked a lot of questions.
(เขาถามคำถามเยอะมาก)
asleep
(adj.)
เออะสลีพ หลับ Don’t disturb him, he’s asleep.
(อย่ารบกวนเขา เขากำลังหลับ)
astronaut
(n.)
แอสเทรอะนอท มนุษย์อวกาศ When i grow up, I want to be an astronaut.
(เมื่อฉันโต ฉันอยากเป็นนักบินอวกาศ)
at
(prep.)
แอท ที่
at the moment
(phrase.)
แอท เดอะ โมเมินทุ ในขณะนี้ He is working at the moment.
(ตอนนี้เขากำลังทำงานอยู่)
August
(n.)
ออเกิสทุ เดือนสิงหาคม เวลาใช้เดือน ให้ใช้ in นำหน้าเสมอ
I was born in August 1985.
(ฉันเกิดเดือนสิงหาคมปี 1985)
aunt
(n.)
แอนทุ ป้า/น้าผู้หญิง Sofia is my aunt.
(โซเฟียเป็นน้าของฉัน)
autumn
(n.)
ออเดิม ฤดูใบไม้ร่วง I always go home in autumn.
(ฉันกลับบ้านฤดูใบไม้ร่วงเสมอ)
awake
(adj.)
เออะเวค ตื่น Are you awake?
(เธอตื่นหรือยัง)
away
(adv.)
เออะเวย์ ไปที่อื่น/ออกไป/ห่างออกไป Let’s go away.
(ไปกันเถอะ)
คำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวด A

คำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวด B

คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล ตัวอย่างประโยค
baby
(n.)
เบบี ทารก I want to a baby.
(ฉันอยากมีลูก)
back
(adj.)
แบค ด้านหลัง/ถอยหลัง
backpack
(n.)
แบคแพ็ค กระเป๋าสะพายหลัง
bad
(adj.)
แบด แย่
badly
(adv.)
แบดลี อย่างแย่/อย่างเลวทราม He treated me so badly.
(เขาปฎิบัติต่อฉันแย่มาก)
badminton
(n.)
แบดมินเทิน แบดมินตัน
bag
(n.)
แบก กระเป๋า
balcony
(n.)
แบลเคอะนี ระเบียง
ball
(n.)
บอล ลูกบอล
balloon
(n.)
เบอะลูน ลูกโป่ง
banana
(n.)
เบอะแนเนอะ กล้วย I really like bananas.
(ฉันชอบกินกล้วยมาก)
band
(n.)
แบนดุ วงดนตรี
bandage
(n.)
แบนดิจ ผ้าพันแผล
bank
(n.)
แบงคุ ธนาคาร I am at the bank.
(ฉันอยู่ที่ธนาคาร)
baseball
(n.)
เบสบอล กีฬาเบสบอล
baseball cap
(n.)
เบสบอล แคพ หมวกเบสบอล
basement
(n.)
เบสเมินทุ ชั้นใต้ดิน
basketball
(n.)
แบสกิตบอล กีฬาบาสเก็ตบอล
bat
(n.)
แบท ไม้เบสบอล/ค้างคาว
bath
(n.)
แบธ อ่างอาบนํ้า Oh my God, I wanna take a bath.
(ฉันอยากอาบนํ้ามาก)
bathe
(v.)
เบธ อาบนํ้า She is bathing a baby.
(หล่อนกำลังอาบนํ้าให้ทารก)
bathroom
(n.)
แบธรูม ห้องนํ้า
be
(v.)
บี เป็น/อยู่/คือ
beach
(n.)
บีช ชายหาด Let’s go to the beach.
(ไปทะเลกันเถอะ)
bean
(n.)
บีน ถั่ว
bear
(n.)
แบร์ หมี
beard
(n.)
เบียร์ด หนวด He has a long beard.
(เขามีหนวดที่ยาว)
beautiful
(adj.)
บิวดิเฟิล สวย She is so beautiful.
(หล่อนสวยมาก)
because
(conj.)
บีคอส เพราะ
bed
(n.)
เบด เตียง
bedroom
(n.)
เบดรูม ห้องนอน
bee
(n.)
บี ผึ้ง
beetle
(n.)
บีเดิล แมลงปีกแข็ง
before
(prep.)
บีฟอร์ ก่อน I always have coffee before starting work.
(ฉันดื่มกาแฟเสมอ ก่อนเริ่มทำงาน)
begin
(v.)
บีกิน เริ่ม The show will begin in 5 minutes.
(โชว์จะเริ่มในอีก 5 นาที)
behind
(adv.)
บีฮายดุ หลัง She’s standing behind me.
(หล่อนยืนอยู่ข้างหลังฉัน)
believe
(v.)
บีลีฟ เชื่อ Do you believe me?
(คุณเชื่อฉันไหม)
below
(prep.)
บีโลว อยู่ข้างล่าง Please press the subscribe bottom below.
(กรุณากดปุ่ม subscribe ข้างล่างให้ด้วยนะ)
belt
(n.)
เบลทุ เข็มขัด
best
(adj.)
เบสทุ ดีที่สุด
better
(adj.)
เบดเดอร์ ดีกว่า
คำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวด B


เรียนวิชาทั่วไป วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การลบจำนวนเต็ม คาบเย็น


เรียนรู้ การลบจำนวนเต็ม โดยใช้หลักการ ตัวตั้งตัวลบ = ตัวตั้ง + จำนวนตรงข้ามของตัวลบ

พร้อมทำแบบฝึกหัด 8 ข้อ

จำนวนตรงข้าม เช่น จำนวนตรงข้ามของ 1 ก็คือ -1  จำนวนตรงข้ามของ -1 ก็คือ 1
ยกตัวอย่าง เช่น 2 – (-1) = ?
2 คือ ตัวตั้ง
-1 คือ ตัวลบ
ตัวตั้ง + จำนวนตรงข้ามของตัวลบ
จะได้ 2 + 1 = 3
ฉะนั้น 2 – (-1) = คำตอบคือ 3
หรืออีกเทคนิคหนึ่งถ้าเจอ ลบ(-) กับ ลบ(-) ก็คือ บวก(+) 

ทำแบบฝึกหัด 8 ข้อ

1. 8 – 4 = ? (อย่าพึ่งรีบตอบ 4 นะ)
วิธีทำ
8 คือ ตัวตั้ง

4 คือ ตัวลบ
ตัวตั้ง + จำนวนตรงข้ามของตัวลบ
จะได้ 8 + (-4) = 4
ฉะนั้น 8 – 4 = 4

2. 8 – (-6) = ?
วิธีทำ
8 คือ ตัวตั้ง
-6 คือ ตัวลบ
ตัวตั้ง + จำนวนตรงข้ามของตัวลบ
จะได้ 8 + 6 = 14
ฉะนั้น 8 – (-6) = 14
หรืออีกเทคนิคหนึ่งถ้าเจอ ลบ(-) กับ ลบ(-) ก็คือ บวก(+) 

3. (-510) – (-4) = ?
วิธีทำ
-510 คือ ตัวตั้ง
-4 คือ ตัวลบ
ตัวตั้ง + จำนวนตรงข้ามของตัวลบ
จะได้ -510 + 4
เอา 510 – 4  = 506 
ฉะนั้น (-510) – (-4) = -506

4. (-76) – 32 = ?
วิธีทำ
-76 คือ ตัวตั้ง
32 คือ ตัวลบ
ตัวตั้ง + จำนวนตรงข้ามของตัวลบ
จะได้ (-76) + (-32) 
เอา 76 + 32 = 108
ฉะนั้น (-76) – 32 = -108

5. -(-92) – 4 =?
วิธีทำ
ถ้าเจอ ลบ(-) กับ ลบ(-) ก็คือ บวก(+) -(-92) จึงเท่ากับ 92
จะได้ 92 – 4 = 88
ฉะนั้น -(-92) – 4 = 88

6. [(-10) – 61] + 1 = ?
วิธีทำ
จะต้องทำในวงเล็บก่อน
-10 คือ ตัวตั้ง
61 คือ ตัวลบ
ตัวตั้ง + จำนวนตรงข้ามของตัวลบ
จะได้ (-10) + (-61)
เอา 61 + 10 = 71
ฉะนั้นคำตอบในวงเล็บคือ -71
เอา (-71) + 1 = ?
-71 คือ ตัวตั้ง
1 คือ ตัวลบ
ตัวตั้ง + จำนวนตรงข้ามของตัวลบ
จะได้ (-71) + (-1)
เอา 71 – 1 = 70
ฉะนั้น [(-10) – 61] + 1 = -70

7. (10 – 37) + 96 = ?
วิธีทำ
จะต้องทำในวงเล็บก่อน
10 คือ ตัวตั้ง
37 คือ ตัวลบ
ตัวตั้ง + จำนวนตรงข้ามของตัวลบ
จะได้ 10 + (-37)
เอา 37 – 10 = 27
ฉะนั้นในวงเล็บจะ -27
เอา 96 – 27 = 69
เพราะอะไรถึงได้ 69 เพราะ 96 เป็นบวกและมีจำนวนมากกว่า 27 จึงตอบเป็นบวก
ฉะนั้น (10 – 37) + 96 = 69

8. M – (-51) = 73  ?
วิธีทำ
เอาความรู้เรื่องสมการมาใช้ด้วย
ถ้าเจอ ลบ(-) กับ ลบ(-) ก็คือ บวก(+) M – (-51) จึงเท่ากับ M + 51
จะได้ M + 51 = 73
บวก ย้ายข้างมาจึงกลายเป็น ลบ
จะได้ M = 73 – 51
เอา 73 – 51 = 22
ฉะนั้น M – (-51) = 73  M มีค่าเท่ากับ 22


📒 อ้างอิง | แหล่งข้อมูล | แหล่งที่มา | ผู้สอน | ผู้เรียบเรียง:รักเรียน ruk-learn.com

ผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ คาบเช้า
→ สอนโดย : Kru Whan : English On Air – ครูพี่หวาน facebook : Instagram | จากบทเรียน เรียนภาษาอังกฤษ ติวข้อสอบแกรมม่าร์ให้ได้เต็ม 100%
→ เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ : ครูหวาน : English On Air

ผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ คาบบ่าย
→ สอนโดย : ครูดิว : KruDew English Official facebook : Instagram | จากบทเรียน 100 คำศัพท์สำหรับ Beginner หมวด A-Z EP.1 ศัพท์ A-B
→ เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ : KruDew English Official

ผู้สอนวิชาทั่วไป วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การลบจำนวนเต็ม คาบเย็น
→ สอนโดย : ครูดาว ที่ NockAcademy facebook | จากบทเรียน วิชาคณิตศาสตร์ ชั้น ม.1 เรื่อง การลบจำนวนเต็ม
→ เรียนออนไลน์ที่ : NockAcademy